วัดกินคะคุจิ วัดเงินที่ไม่ได้หุ้มด้วยเงิน
วัดกินคะคุจิ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1482 โดยโชกุนอะชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ผู้ต้องการสร้างสถานที่พักผ่อนที่สะท้อนถึงวัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือ “วัดทอง” ของปู่ของเขา เดิมทีมีแผนจะปิดทองเปลวทั่วตัวอาคารเช่นเดียวกับวัดทอง แต่สุดท้ายแผนนี้ไม่เคยเกิดขึ้นจริง ทำให้อาคารหลักของวัดยังคงเป็นสีไม้ธรรมชาติ กลายเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง และเป็นสัญลักษณ์ของความงามที่เรียบง่าย
แม้จะไม่ได้ถูกหุ้มด้วยเงิน แต่เสน่ห์ของวัดกินคะคุจิกลับอยู่ที่แนวคิดทางปรัชญา “วาบิ-ซาบิ” (Wabi-Sabi) ที่ให้คุณค่ากับความงามของสิ่งธรรมดา ความไม่สมบูรณ์แบบ และการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ซึ่งสะท้อนผ่านสถาปัตยกรรมและภูมิทัศน์ของวัด
สัมผัสเสน่ห์ของวัดกินคะคุจิ
เมื่อเดินเข้าสู่วัดกินคะคุจิ จะได้พบกับจุดไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาด

ศาลาเงิน (Ginkaku) อาคารไม้สองชั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของวัด แม้จะไม่ได้หุ้มเงิน แต่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อสะท้อนกับผืนน้ำในบ่อด้านหน้า

สวนทรายเงิน (Ginshadan) ลานทรายกว้างที่ถูกจัดแต่งเป็นลายคลื่นอย่างประณีต เชื่อกันว่าช่วยสะท้อนแสงจันทร์ในยามค่ำคืน

เนินทรายพระจันทร์ (Kogetsudai) เนินทรายรูปกรวยคว่ำที่ตั้งอยู่ข้างสวนทรายเงิน เปรียบเสมือนภูเขาฟูจิย่อส่วน และเป็นจุดเด่นที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว

เส้นทางเดินในสวน ทางเดินที่พาเราขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านหลังวัด บรรยากาศสงบสวยงามร่มรื่น สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเกียวโตจากมุมสูงได้อย่างสวยงาม

เดินทางไปวัดกินคะคุจิ สามารถเดินทางได้สะดวกโดย นั่งรถบัสสาย 5, 17 หรือ 100 จากสถานี Kyoto ลงที่ป้าย Ginkakuji-michi แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที เมื่อมาถึงบริเวณวัด จะพบทางเข้าที่ปกคลุมด้วยพุ่มไม้สูง สร้างความรู้สึกชวนให้ค้นหา
วัดกินคะคุจิ อาจไม่ได้เปล่งประกายเหมือนวัดทอง แต่กลับมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ทำให้ผู้มาเยือนหลงใหลในความสงบเงียบและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายที่เหมาะสำหรับการพักใจและเรียนรู้ถึงปรัชญาความงามแบบญี่ปุ่นแท้ๆ หากใครมาเที่ยวญี่ปุ่น ทัวร์ญี่ปุ่น และมีโอกาสมาเยือนเกียวโต วัดกินคะคุจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่ควรพลาด